1. เป็นสมาชิกติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 2 ปี และกำลังศึกษาอยู่ในปีสุดท้ายของหลักสูตรในแต่ละระดับการศึกษา ดังนี้
– ปริญญาตรี ทุนละ 2,500 บาท
– ปริญญาโท ทุนละ 4,000 บาท
– ปริญญาเอก ทุนละ 5,000 บาท
2. กรณีสำเร็จการศึกษาแล้ว ต้องขอรับทุนภายใน 120 วัน นับจากวันที่สำเร็จการศึกษา หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นอันหมดสิทธิ์ในการขอรับทุน
1. ได้รับวันละ 300 บาท รวมกันแล้วไม่เกินปีละ 1,800 บาท
2. ยื่นเอกสารหลักฐานภายใน 180 วันนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
3. ยื่นเอกสารขอรับสวัสดิการได้ตลอดทั้งปี
1. สมาชิกต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปและมีอายุการเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 10 ปี
– สมาชิกที่เป็นโสด จะได้รับเงินจำนวน 2,000 บาท
– คู่สมรสที่เป็นสมาชิกทั้งสามีและภรรยา จะได้รับเงินจำนวน 3,000 บาท
– คู่สมรสที่เป็นสมาชิกเพียงฝ่ายเดียว จะได้รับเงินจำนวน 2,000 บาท
– กรณีคู่สมรสที่เป็นสมาชิกที่มีการสมรสใหม่ ไม่มีบุตร แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคยมีบุตรและใช้สิทธิ์หรือเคยใช้สิทธิ์รับทุนการศึกษาบุตรจะไม่ได้รับทุนสวัสดิการนี้
2. ยื่นเอกสารขอรับสวัสดิการได้ตลอดทั้งปี และได้รับเพียงครั้งเดียว
1. ต้องเป็นสมาชิกที่พ้นจากราชการโดยเกษียณอายุหรือลาออกจากราชการ และมีอายุการเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 25 ปี ณ วันที่พ้นจากหน้าที่ราชการ ได้รับคนละ 1,000 บาท และได้รับเพียงครั้งเดียว
2. การจ่ายสวัสดิการบำนาญสมาชิก จะจ่ายภายในวันที่ 31 ตุลาคมของแต่ละปี โดยสหกรณ์จะจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากของสมาชิก
1. ต้องเป็นสมาชิกที่มีอายุไม่น้อยกว่า 60 ปี
2. มีอายุการเป็นสมาชิกและมีเงินค่าหุ้นตามเกณฑ์ ดังนี้
– เป็นสมาชิก 10 – 19 ปี และมีหุ้นไม่น้อยกว่า 200,000 บาท ได้รับ 800 บาท
– เป็นสมาชิก 20 – 29 ปี และมีหุ้นไม่น้อยกว่า 300,000 บาท ได้รับ 1,200 บาท
– เป็นสมาชิก 30 ปี ขึ้นไป และมีหุ้นไม่น้อยกว่า 400,000 บาท ได้รับ 1,600 บาท
3. สมาชิกผู้ได้รับเงินสวัสดิการบำนาญในปีใด ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสวัสดิการเกื้อกูลสมาชิกอาวุโสในปีนั้น
4. การจ่ายเงินทุนสวัสดิการ ในหนึ่งปีให้จ่ายเพียงครั้งเดียวภายในเดือนตุลาคมของแต่ละปี โดยสหกรณ์จะจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากของสมาชิก
- สมาชิกที่มีอายุการเป็นสมาชิกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี ได้รับ 1,500 บาท
- สมาชิกที่มีอายุการเป็นสมาชิกเกิน 1 ปี ได้รับปีละ 1,500 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- การนับอายุการเป็นสมาชิก ถ้าเกิน 6 เดือน ให้นับเป็น 1 ปี
- คู่สมรสและบุตรของสมาชิกผู้ใดถึงแก่กรรม ให้มีสิทธิได้รับเงินทุนสงเคราะห์ กึ่งหนึ่งของสมาชิก สำหรับบิดา – มารดาของสมาชิกถึงแก่กรรม ให้มีสิทธิ์ได้รับหนึ่งในสี่ของสมาชิก
- บุตรของสมาชิกที่จะได้รับเงินทุนสงเคราะห์ ต้องเป็นบุตรของสมาชิกที่ชอบด้วยกฎหมายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย รวมถึงบุตรบุญธร
- ยื่นเอกสารหลักฐาน ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ถึงแก่กรรม
- เป็นสมาชิกติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 2 ปี
- บุตรต้องมีอายุไม่เกิน 30 ปีบริบูรณ์ และมีสถานภาพเป็นโสด
- ระดับชั้น หรือชั้นเทียบเท่าที่ได้รับทุน (ให้ทุกคน ทุกปี)
– ระดับอนุบาล (ก่อนขึ้น ป.1) ทุนละ 300 บาท
– ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 – ปีที่ 6 ทุนละ 400 บาท
– ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – ปีที่ 3 ทุนละ 500 บาท
– ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ทุนละ 700 บาท
– ระดับ ปวช. 1 – 3 ทุนละ 700 บาท
– ระดับปริญญาตรี ปี 1 – 6 ทุนละ 1,000 บาท
– ระดับ ปวส. 1 – 2 ทุนละ 1,000 บาท
– ระดับปริญญาโท ทุนละ 2,500 บาท
– ระดับปริญญาเอก ทุนละ 3,000 บาท
หมายเหตุ ระดับปริญญาโท และ ปริญญาเอก บุตรของสมาชิกต้องศึกษาอยู่ในปีสุดท้ายของหลักสูตร และให้ได้รับเพียงครั้งเดียว
สมาชิกผู้ประสบภัยต่าง ๆ ได้แก่ อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย และแผ่นดินไหว โดยกำหนดให้ “ที่อยู่อาศัย” หมายถึง ที่ที่สมาชิกอาศัยอยู่จริงและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้น และ ให้หมายรวมถึงอาคารประกอบอื่น ๆ ได้แก่ โรงเก็บรถ โรงครัว ห้องน้ำ ห้องส้วม โรงเก็บของ ยุ้งฉาง รั้วบ้านที่ปลูกอยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าวนั้น “ทรัพย์สิน” หมายถึง ยานพาหนะ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
1. เสียหาย 1,000.00 บาท – 50,000.00 บาท ให้ 1,000.00 บาท
2. เสียหาย 50,001.00 บาท – 100,000.00 บาท ให้ 1,500.00 บาท
3. เสียหาย 100,001.00 บาท – 150,000.00 บาท ให้ 2,000.00 บาท
4. เสียหายเกิน 150,001.00 บาท ขึ้นไป ให้ 2,500.00 บาท
ให้ยื่นเอกสาร หลักฐานการขอรับเงินภายใน 90 วัน นับแต่วันประสบภัย
8 อำเภอ การอาชีวศึกษา, ศึกษาธิการจังหวัด รวม 10 หน่วย หน่วยละ 20,000 บาท
อปท. และ ร.ร.เอกชน หน่วยละ 10,000 บาท
(รวมเป็นเงิน 220,000 บาท)
- สพป.แพร่ เขต 1 , สพป.แพร่ เขต 2 , สพม.เขต 37 จำนวน 3 หน่วย ๆ ละ 10,000 บาท ,
การอาชีวศึกษา 10,000 บาท , กศน. 5,000 บาท , อปท. 10,000 บาท ,
กลุ่มโรงเรียนเอกชนรวม 2 เขต 10,000 บาท
(รวมเป็นเงิน 65,000 บาท) - กลุ่มเครือข่ายการศึกษาสังกัด สพป.แพร่ เขต 1 มี 8 กลุ่มเครือข่าย
จัดสรรให้กลุ่มเครือข่ายละ 10,000 บาท
ยกเว้นกลุ่มเครือข่ายการศึกษาหนองม่วงไข่ จัดสรรให้ 5,000 บาท
(รวมเป็นเงิน 75,000 บาท) กลุ่มเครือข่ายฯ ได้แก่
2.1 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาช่อแฮนาจักร อ.เมืองแพร่
2.2 กลุ่มเครือข่ายการศึกษามิ่งเมือง อ.เมืองแพร่
2.3 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาพญาพล อ.เมืองแพร่
2.4 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาเบญจมิตร อ.ร้องกวาง
2.5 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาผานางคอย อ.ร้องกวาง
2.6 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาหนองม่วงไข่ อ.ร้องกวาง
2.7 กลุ่มเครือข่ายการศึกษายมเหนือ อ.สอง
2.8 กลุ่มเครือข่ายการศึกษาสองฝั่งสามัคคี อ.สอง - กลุ่มโรงเรียนในสังกัด สพป.แพร่ เขต 2
มี 16 กลุ่มโรงเรียน จัดสรรให้กลุ่มโรงเรียนละ 5,000 บาท
(รวมเป็นเงิน 80,000 บาท) กลุ่มโรงเรียน ได้แก่- กลุ่มโรงเรียนไตรบูรพา
- กลุ่มโรงเรียนจตุรมิตร
- กลุ่มโรงเรียนน้ำชำ – หัวฝาย
- กลุ่มโรงเรียนสูงเม่น
- กลุ่มโรงเรียนทุ่งทอง
- กลุ่มโรงเรียนห้วยอ้อ
- กลุ่มโรงเรียนผาเวียง
- กลุ่มโรงเรียนปิ่นทอง
- กลุ่มโรงเรียนฝั่งนที
- กลุ่มโรงเรียนวังชิ้น
- กลุ่มโรงเรียนแม่พุง
- กลุ่มโรงเรียนเวียงด้งนคร
- กลุ่มโรงเรียนนาพูน
- กลุ่มโรงเรียนอุดรพัฒนา
- กลุ่มโรงเรียนเด่นชัยพนา
- กลุ่มโรงเรียนประตูล้านนา
- สังกัด สพม.เขต 37 มี 2 สหวิทยาเขต คือ
สหวิทยาเขตเวียงโกศัย และ สหวิทยาเขตพลนคร
จัดสรรให้สหวิทยาเขตละ 10,000 บาท (รวมเป็นเงิน 20,000 บาท) - ให้หน่วยงานสังกัดสมาชิกที่ขอเบิกเงิน เสนอผลการดำเนินงานต่อสหกรณ์ หากไม่เสนอผลการดำเนินงาน จะไม่มีสิทธิ์ขอรับเงินสวัสดิการนี้ในคราวต่อไป
ตามจำนวนสมาชิกในแต่ละโรงเรียน / หน่วยงาน (รายหัวละ 25 บาท) สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ต่ำสุด 500 บาท
ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนได้ตลอดทั้งปีๆ ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้รวมถึงการขอสนับสนุนกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ
ให้สมาคมครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนได้ตลอดทั้งปี โดยให้ดำเนินการ ดังนี้
- ให้สมาชิกครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ ส่งสำเนาใบทะเบียนการจัดตั้งสมาคม (ครั้งแรกของปีที่ขอสวัสดิการ)
- ให้สมาคมครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ ส่งนำเนารายชื่อคณะกรรมการสมาคมชุดปัจจุบัน (ครั้งแรกของปีที่ขอสวัสดิการ)
- ให้สมาคมครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ ส่งเอกสารทุกครั้งที่ขอรับการสนับสนุนสวัสดิการ ดังนี้
- สำเนาโครงการ
- สำเนาหนังสือที่ได้รับเชิญไป ประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์
- สำเนารายชื่อผู้ไปประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์ และรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกิจกรรมนั้นๆ
- ให้สมาคมครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ ส่งเอกสารทุกครั้งหลังจากได้รับการสนับสนุนสวัสดิการ และได้ดำเนินการตามโครงการ หรือไปประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์ ดังนี้
- สำเนารายงานสรุปโครงการ หรือ ประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์
- สำเนาเอกสารค่าใช้จ่าย (สำเนาใบเสร็จ, บิล หลักฐานการจ่าย, ใบสำคัญการจ่าย เป็นต้น) โครงการ หรือ ประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์ เช่น ค่าวัสดุอุปกรณ์, ค่าลงทะเบียน, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร, ค่าน้ำมันรถ ฯลฯ
- สำเนาภาพถ่ายโครงการ หรือ ประชุม อบรม สัมมนา กิจกรรมที่ไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์ นั้นๆ จำนวน 1 ชุด
- ให้สมาคมครูแพร่ และสหพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษาบำนาญจังหวัดแพร่ และองค์กรหน่วยงานของสมาชิกที่ถูกต้องตามกฎหมายอื่นๆ จัดทำโครงการ หรือขอรับสวัสดิการเพื่อขอรับการสนับสนุนเป็นครั้งๆ ไป ในวงเงินไม่เกิน 220,000 บาท ต่อปี (ให้ประธานอนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท หากเกิน 10,000 บาท ให้ขอเสนออนุมัติโยที่ประชุมคณะกรรมการ)
- สำหรับสมาคมระดับอำเภอ ให้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนรวมกันแล้วไม่เกินอำเภอละ 5,000 บาทต่อปี สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา และสมาคมครูโรงเรียนเทศบาล สมาคมละไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี
- ให้สมาคม/หน่วยงานที่ขอเบิกเงิน เสนอผลการดำเนินงานต่อสหกรณ์ หากไม่เสนอผลการดำเนินงาน จะไม่มีสิทธิ์ขอรับเงินสวัสดิการนี้ในคราวต่อไป
- ให้สมาคม/หน่วยงาน เสนอยื่นเรื่องผ่านถึงประธานกรรมการก่อนการประชุมประจำเดือนไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามความเดือนร้อนเร่งด่วนแล้วแต่กรณี
จ่ายตามจำนวนสมาชิกข้าราชการบำนาญแต่ละอำเภอ ชมรมข้าราชการบำนาญมัธยม (รายหัวละ 25 บาท) ต่ำสุดให้ได้ชมรมละ 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนได้ตลอดทั้งปีปีละ 1 ครั้ง โดยต้องแนบระเบียบ , รายชื่อคณะกรรมการ , รายชื่อสมาชิก และบันทึกการประชุมของชมรม พร้อมประทับตราของชมรม (ถ้ามี)
ให้ได้รับตั้งแต่ 500 บาท – 2,000 บาท (สถานศึกษาหรือหน่วยงานสมาชิก ให้ขอได้ปีละ 1 ครั้ง)
กรณีอื่น ๆ
– ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการ อนุมัติได้ไม่เกิน 1,000 บาท
– ให้ผู้จัดการเสนอประธานกรรมการ อนุมัติได้ไม่เกิน 2,000 บาท
– หากเกินกว่า 2,000 บาท ให้เสนอขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการฯ